July 30, 2007

Seattle Logic Pro User Group

ข่าวนี้อาจจะยังไม่เกี่ยวกับตัวผมสักเท่าไหร่ในตอนนี้ เพราะ Logic Pro นั้น run บน mac เท่านั้น แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่นๆบ้าง ผมรู้จัก Seattle Logic Pro User Group (SLUG) จาก forum ของ OSXaudio.com จากชื่อก็จะรู้ได้ว่านี่เป็นกลุ่มของ user ใน Seattle ที่ใช้ logic pro ในการทำงาน กลุ่มนี้จะมีการ meeting กันทุกวันพุธแรกของเดือน ที่ U-Village Apple Store เวลาทุ่มครึ่งถึงสามทุ่ม ลักษณะก็จะเป็นกึ่งๆสัมมนาเล็กๆเพื่อบอกเล่าและแบ่งปันประสบการณ์ในการใช้ Logic Pro

SLUG มี blog เป็นของตัวเองเหมือนกัน (ใช้ wordpress เหมือนผมเลย) โดยเนื้อหาใน blog ตอนนี้นั้นมีแค่ 2 อย่าง อย่างแรกคือการนัดหมายเรื่อง meeting ในแต่ละเดือน ซึ่งคงไม่เกี่ยวกับเราๆนัก แต่อย่างที่สองที่น่าจะมีประโยชน์มาก ก็คือส่วนของ VDO Presentation ที่อัดมาจากในงาน meeting ตอนนี้มีอยู่แค่ 2 หัวข้อ รวมกันเป็น 7 quicktime files ผมลองโหลดมาดูแค่ตัวเดียว น่าสนใจมากนะครับ สำหรับคนที่ใช้ Logic เพราะเหมือนกับเราได้ไปนั่งอยู่ใน meeting กึ่ง seminar นั้นด้วย ดูแล้วก็คิดๆอยากให้มีอะไรคล้ายๆแบบนี้ในไทยเหมือนกัน เมื่อก่อน GenX academy ก็เคยมี workshop ลักษณะนี้อยู่บ้าง ซึ่งทำได้น่าสนใจแต่จะเป็นลักษณะของการแนะนำเบื้องต้นที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของทางสถาบัน ผมยังคงแอบหวังว่าอีกไม่นานน่าจะมี community ของ DAW user ให้เริ่มเห็นบ้างในเมืองไทย

SLUG blog : http://seattle.logic-users.org/wordpress/
ข้อมูลจาก : http://www.bigbluelounge.com/forums/viewtopic.php?t=35521

July 29, 2007

UAD Nevana-X2

เพิ่งแวะเข้าไปดูเวปของ Universal Audio (UAD) ก็เลยได้เห็นข่าว promotion ใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย ภายใต้ชื่อว่า UAD Nevana-X2 โดยจะเป็น bundle ที่มี UAD-1e PCIe DSP card มาให้ถึง 2 ตัว (แต่หมายถึงเครื่องที่ใช้ต้องมี PCIe ว่าง 2 slot ด้วยนะครับ) พ่วงมาด้วย UAD Plugin ที่ไปจำลองมาจาก NEVE console ถึง 7 ตัว และ Plugin ย่อยๆที่เป็น UA MixEssentials อีก 14 ตัว แถมท้ายด้วย voucher อีก 200$ สำหรับไปเลือกซื้อ Plugin ตัวอื่นๆเพิ่มอีก ผมลองดูในเวปเขาแล้วก็ให้รายละเอียดไว้พอสมควรกับ promotion นี้ ยกเว้นก็แต่ราคาที่ยังไม่ได้บอกไว้ คงเพราะเพิ่ง press release ออกมาได้แค่ 2-3 วัน

ข้อมูลคร่าวๆมีตามนี้ครับ

  • TWO PCIe UAD-1e DSP Cards (for Double DSP Power - 2 open PCIe slots required)
  • Neve : 1073/SE, 1081/SE, 33609/SE, 88RS (7 Plug-Ins) & UA Mix Essentials
  • UAD$200 Voucher included to spend on any Powered Plug-Ins at my.uaudio.com
  • Create a Neve 88RS console with up to 26 Mono or 18 stereo (36 channels) @ 44.1k
  • Expand with UAD-1 PCI, UAD-1e PCIe or UAD-Xpander; up to 4 UADs per system
จุดขายจุดหลักที่ถูกยกขึ้นมาโปรโมท bundle นี้ก็คือการที่ผู้ใช้สามารถใส่ EQ Neve จำนวนมากลงไปใน DAW จนกลายเป็น Neve Console บน DAW ที่ใช้อยู่ได้เลย แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าตัวเลขที่ทาง UA นำมาใช้โปรโมทนั้นอ้างอิงมาจากการทำงานที่ 44.1k ทั้งหมด ถ้าทำงานที่ความละเอียดสูงกว่านี้ จำนวน plugin ที่ใช้ได้พร้อมๆกันก็จะลดลงไปเรื่อยๆ

และแน่นอนผมที่พลาดไม่ได้สำหรับทุกๆข่าวที่มาจากเวปของ UA นั่นก็คือ Demo VDO ที่ทำได้อย่างดีเพื่อโฆษณา product นั้นๆ สำหรับตัว Nevana-X2 นี้ก็เลือกโหลดดูได้ครับทั้ง WMV และ MOV

อ้างอิงข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่นี่เลยครับ
http://www.uaudio.com/products/uad/nevana/index.html

เพิ่มเติมจาก SonicState.com ให้ข้อมูลไว้ว่า UAD Nevana-X2 จะมีราคาประมาณ 1499USD และจะวางขายในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้

July 28, 2007

Boss ME-20 Guitar Multi-Effect

Boss ME-series น่าจะนับได้ว่าเป็น Guitar multi-effect ที่ผลิตต่อๆกันมาเป็นเวลานานแล้วเหมือนกัน ล่าสุดในงาน SNAMM'07 นี้ก็มีตัวล่าสุดออกมาเป็น ME-20 หน้าตาดูแล้ว boss มากๆ ดูแล้วน่าจะเน้นที่การ edit ง่าย ใช้งานสะดวกตามรุ่นพี่ที่ออกมาก่อนอย่าง ME-50

BOSS ME-20

จริงๆแล้ว Guitar Multi-effect คงไม่ใช่ประเด็นที่ผมสนใจโดยตรงนัก แต่หลังจากเห็นข่าวตัวนี้แล้วก็เลยลองตามไปดูรายละเอียดที่ Bossus.com เปิดเข้าไปหน้าแรกก็สะดุดตากับ link ที่เขียนว่า VIDEOS น่าจะเดากันได้ไม่ยากหรอกครับว่าคงจะเป็น VDO demo สำหรับ pedal ต่างๆของ Boss ถือว่าน่าสนใจมากนะครับสำหรับคนที่อยากหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่จะซื้อ pedal ของค่ายนี้ หรือถ้าไม่ได้กะว่าจะซื้อ ลองเปิดเข้าไปดูเพลินก็น่าสนใจดีไม่น้อยนะครับ

ข่าว ME-20 จาก HarmonyCentral.com
รายละเอียดเพิ่มเติมของ ME-20 http://www.bossus.com/index.asp?pg=1&tmp=168
VIDEO demo จาก Boss http://www.bossus.com/videos/

in-depth feature : Mackie HR624 mk2

อีกหนึ่งของแถมจาก SonicState.com เป็น VDO กึ่งreviewกึ่งแนะนำ ลำโพง monitor รุ่น HR624 mk2 จากค่าย Loud Technology เจ้าของแบรนด์ Mackie เนื้อหน้าใน VDO เริ่มต้นด้วยการที่คุณ David Carlyon ออกมาพูดถึงส่วนต่างๆของลำโพงรุ่นนี้ ให้ข้อมูลได้ละเอียดพอสมควรโดยไม่ต้องไปนั่งอ่านเอง จากนั้นต่อด้วยการสัมภาษณ์ใครสักคนที่เพิ่งเปลี่ยนจากการ mix ด้วยลำโพง hi-fi ทั่วไปมาเป็น HR-624 mk2 ตรงนี้ถือเป็นการบอกเล่ามากว่า ไม่ได้เนื้อหาสักเท่าไหร่ ตบท้ายด้วยคุณ Carlyon ออกมาพูดย้ำถึงว่าการเลือกลำโพงเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว ควรจะไปลองเองด้วย CD ที่เราคุ้นเคย รวมเวลาทั้งหมดของ VDO แล้วอยู่ที่ 9นาทีเล็กๆ ทำได้น่าสนใจครับ ลำโพงรุ่นนี้เคยเป็นตัวที่ผมอยากได้มากๆอยู่เหมือนกัน แต่พอมาเจอรุ่นที่เป็น mk2 นี่ หน้าตาไม่ถูกชะตากับผมเอาซะเลย โดยเฉพาะสีดำมันวาวที่ตัวถังเนี่ย ไม่ชอบเอาซะมากๆเลยครับ แต่เรื่องเสียงก็เป็นอีกเรื่อง ใครสนใจก็ลองไปหาฟังดูแล้วกันครับ


อ้างอิงและนำ VDO มาจาก http://www.sonicstate.com/articles/article.cfm?id=134

Summer NAMM 2007 : Roland SP-555

ทำงานทำการจนแทบไม่ค่อยได้ตามข่าวสารโลก มารู้ตัวอีกทีก็เข้าสู่ช่วงเริ่มต้นงาน Summer NAMM'07 กันแล้ว ซึ่งจัดกันที่ Convention Center ใน Austin,Texas ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ 27-29 July '07 เดี๋ยวจะลองเกาะๆข่าวมาดูกันว่างานครั้งนี้มีอะไรใหม่ๆออกมาให้ได้ตื่นตาตื่นใจกันบ้าง

Roland SP-555เริ่มต้นของใหม่ชิ้นแรกส่งตรงจากค่าย Roland งานครั้งนี้ถ้าดูข้อมูลจากในเวป Roland.com จะเห็นว่ามีของใหม่ออกมาทั้งหมด 14 ชิ้น แต่มีแค่อย่างเดียวที่ผมค่อนข้างให้ความสนใจก็คือ SP-555 ในตระกูล SP-sampler เห็นหน้าตาก็คงเดากันออกว่าเป็นพี่เป็นน้องกับ SP-404 ที่ออกมาประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน ซึ่งก็คงจะเหมาะกับดนตรีในแนว Sample-based และ loop-based ทั้งหลาย ความพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาคือสามารถต่อ USB เข้ากับคอมพิวเตอร์สำหรับส่งถ่ายข้อมูล และวางตัวเป็น USB audio interface ได้ด้วย มี Sonar LE แถมมาพร้อมกันในกล่อง จำนวน Pad ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 16 pad เต็มๆจากเดิมแค่ 12 ในรุ่น 404

รายละเอียดเพิ่มเติมลองดูได้ใน http://www.roland.com/products/en/SP-555/index.html
ข้อมูลจาก SonicState.com

July 24, 2007

Apple Pro Day Remix

ผมตามหาข่าวนี้มานานแล้วครับ ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นข่าวนี้จาก PassionSound.com เป็นที่แรก เจ๋งจริงๆ งานนี้เป็นงานสัมมนาของ Apple ครับ งาน Pro Day เมื่อปีที่แล้วผมก็ไปเข้าร่วมมา จัดได้หรูหราดีมากที่โรงแรม Intercontinental ใจกลางเมืองบนแยกราชประสงค์ เมื่อครั้งที่แล้วเป็นงานแค่วันเดียวครับ แต่ครั้งนี้ใน poster เขียนไว้ถึง 2 วัน เนื้อหาคงต้องเข้มคนน่าดู ที่ผมบอกว่าตามข่าวนี้มานานก็เพราะผมคาดไว้ว่าหลังจากที่ FinalCut Studio 2 เปิดตัว ในเมืองไทยก็คงต้องมีงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการเหมือนกัน เพราะ user ในไทยก็มีอยู่พอสมควร ข้อเสียอย่างนึงของงานครั้งที่แล้วก็คือเรื่องเสียงถูกให้ความสำคัญน้อยมาก จัดไว้ท้ายๆของงาน และมีความผิดพลาดในเรื่องตารางเวลาด้วยทำให้ไม่ได้ดูพี่ปุ้ม-พงษ์พรหม ขึ้นมาพูดถึง Logic งานคราวนี้ดูแล้วเรื่องของ audio ก็คงถูกจัดความสำคัญไว้ท้ายๆเหมือนกัน แต่ยังไงก็แล้วแต่ งานนี้ผมไม่พลาดแน่นอนทั้ง 2 วันครับ 13-14 กันยายน ไปเจอกันได้เลย ใน poster เขียนไว้ว่าสำรองที่นั่งได้ที่ maccenter.co.th แต่ผมเข้าไปดูแล้วก็ยังไม่เห็นมีให้จองเลย คงต้องรออีกสักหน่อยครับ เฮีย PHz ไปสอยข่าวมาได้เร็วจริงๆ

ข่าวสารจาก PassionSound.Blogspot.com

Pro Day : Bkk,Sep'07

July 21, 2007

Get the Picture : VDO basic

ต่อเนื่องจากเมื่อครั้งก่อนที่ผมเขียนไว้ในหัวข้อเรื่อง Scoring to picture : application round-up ที่เป็นบทความจาก Electronic Magazine ฉบับเดือน May'07 ฉบับนั้นเน้นไปที่เรื่องการทำดนตรีประกอบภาพ บทความหลายๆบทความเลยมุ่งเน้นไปที่เรื่องนี้ และมีอีกหนึ่งบทความที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ใช้ชื่อหัวเรื่องว่า Get the Picture โดยเนื้อหาก็จะเป็นการอธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับ basic ของ digital video อาจจะเป็นเรื่องง่ายไปแล้วสำหรับบางคน แต่ถือได้ว่ามีประโยชน์สำหรับอีกหลายคน รวมทั้งตัวผมเองด้วย

เนื้อหายโดยคร่าวๆก็จะเริ่มด้วยการเกริ่นถึงความจำเป็นในการที่คนด้าน audio ต้องรู้เรื่องของ video ด้วย เพราะในปัจจุบัน งานส่วนใหญ่จะเป็นการรวมภาพกับเสียงเข้าด้วยกันในแบบ multimedia จากนั้นบทความก็เริ่มพูดลงไปในด้านเทคนิคเกี่ยวกับ basic video

framerate เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงเป็นเรื่องแรก ผู้เขียนก็อธิบายถึง framerate ใน standard ต่างๆทั้ง PAL SECAM NTSC ตรงนี้ก็ทำให้ผมสงสัยว่า 29.97 fps ของ NTSC เนี่ยเขานับกันยังไง เลยต้องไปหาข้อมูลเพิ่ม ลองดูใน wiki แล้วผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ จนได้ไปอ่านใน Manual ของ Sound Forge 9 ที่เขียนถึงการทำงานกับ video และอธิบายถึง framerate เขียนไว้ได้ดีครับ ช่วยให้หายงงไปได้ ในบทความนี้ก็เปรียบเทียบว่า framerate ของ video ก็คล้ายกับ samplingrate ของทาง audio จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่ว่าแต่ละ frame ของ video ก็คือภาพนิ่งที่ยังสามารถดูและเข้าใจได้ ในขณะที่แต่ละ sample ของ audio ไม่สามารถสื่ออะไรได้นอกเสียจากว่าต้องอยู่รวมๆกันแล้ววิ่งต่อๆกัน (ถึงจะสื่อความหมายไม่ได้ แต่ทุก sample ก็ยังคงสำคัญเท่าๆกันในการคำนวนและประมวลผล)

เรื่องต่อไปเป็นเรื่องของขนาดของภาพ ในระบบ digital เราจะใช้จำนวน pixel ในแนวตั้งแทนจำนวน scan line ของ video โดยความละเอียดของภาพโดยทั่วไปก็เริ่มจาก 704x480 สำหรับ standard-definition digital television (SDTV) ขึ้นไปจนถึง 4,096 × 2,160 สำหรับ Digital Cinema 4K จริงๆผมก็เพิ่งได้ยินคำว่า 4K จาก quicktime video ที่โปรโมท FinalCut Studio 2 ในเวป Apple ลองดูได้ที่ http://www.apple.com/finalcutstudio/action/?movie=red แต่เพิ่งมารู้จากบทความนี้ว่า 4K มันใหญ่มากๆ

จากนั้นก็เป็นการอธิบายถึงการจัดเก็บภาพในแบบ interlaced scan และ progressive scan โดยในแบบ interlaced จะเป็นการแบ่งเส้น scan line แยกออกไปเป็นเส้นคี่ กับเส้นคู่ แยกกันเก็บใน 2 passes (หรือ 2 fields) ในขณะที่ progressive จะไม่แยก แต่จะเก็บภาพเต็มๆลงไปในทั้ง 2 passes จึงทำให้ได้ภาพที่คมชัดกว่า การบอกความละเอียดของ video นั้นมักจะบอกเป็นตัวย่อ โดยใช้เลขที่เป็น pixel ด้านสูง (หรือจำนวน scan line) แล้วตามด้วย i หรือ p ที่ย่อมาจาก interlaced และ progressive ตัวอย่างเช่น 720p 1080i

aspect ratio เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ pixel บทจอคอมมีลักษณะเป็น 4เหลี่ยมจตุรัส ดังนั้น resolution 800x600 ก็จะมี aspect ratio เป็น 4:3 หรือ 1.33:1 เท่ากับ analog TV พอดี แต่ SDTV (704x480) ต้องใช้ pixel ที่มีขนาด 4.4:3 เพื่อที่จะทำให้ภาพทั้งหมดมี aspect ratio เป็น 4:3 ส่วนระบบอื่นๆอย่าง HDTV มี aspect ratio ที่ 16:9 (1.78:1) ขณะที่หนังที่ฉายในโรงมักจะเป็น 1.85:1 หรือ 2.39:1

ในส่วนท้ายของบทความนี้มีเรื่องของความละเอียดสีและเรื่องของ data compression อีกด้วย แต่ผมคงไม่เขียนถึงแล้ว เริ่มรู้สึกว่าที่เขียนมานี่ก็แปลแบบไม่ค่อยแน่ใจว่าสื่อสารถูกต้องหรือเปล่า กลัวว่ายิ่งเขียนจะยิ่งมั่ว ถ้าในส่วนที่เขียนไปมีข้อผิดพลาดตรงไหนช่วยท้วงติงด้วยนะครับจะเป็นพระคุณมาก ที่เขียนไปคิดว่าน่าจะมีประโยชน์มาก ใครสนใจก็ลองไปตามอ่านตัวเต็มๆได้ที่ link ด้านล่างนะครับ

บทความจาก http://emusician.com/tutorials/emusic_picture_3/

Wave Arts updates Power Suite

ค่าย Wave Arts ออก update ล่าสุดให้กับ Power Suite ที่ประกอบด้วย TrackPlug, MasterVerb, MultiDynamics, FinalPlug, Panorama เป็น version 5.35 โดยส่วนตัวผมชอบหน้าตาของ Power Suite นะ แต่กลับยังไม่ค่อยได้ลองใช้งานสักเท่าไหร่ รายละเอียดการ update มีตามนี้ครับ

  • Fixed problem with Windows RTAS versions not showing up.
  • Added "Use As Default" to Preset menu so user can customize the default preset that comes up for each plug-in.
  • Fixed MasterVerb time display to properly match Decay Time.
  • Fixed TrackPlug octave display (wasn't refreshing properly when switching filter types).
ข้อมูลจาก KVR Audio
ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ www.wavearts.com

เพิ่มเติม : ใครที่อยากรู้รายละเอียดการใช้งานของ Wave arts Power Suite ลองเข้าไปที่เวปนี้ได้ครับ เขามี Quicktime Tutorial Video ให้โหลดได้ฟรี www.wavearts.com/video.html

July 14, 2007

Lair : Behide the scenes

แทบจะติดเป็นนิสัยไปแล้วสำหรับการเข้าไปที่เวป Gametrailers.com เพื่อไปควานหา VDO เบื้องหลังการสร้างเกมส์ต่างๆที่มักจะมีออกมาให้ดูกันในรูปแบบของ Developer Diary ซึ่งก็มีทั้งส่วนของ Graphic และ Audio จริงๆก็น่าสนใจทั้งคู่แหละครับ แต่วันนี้อยากจะแนะนำตัวที่เป็น Audio ก่อน ที่ผมเพิ่งได้ดูจบไปก็เป็นเบื้องหลังการทำ sound effects ของเกมส์ Lair ที่กำลังจะมาลงเครื่อง PS3

เนื้อหาหลักใน VDO จะพาไปดูการบันทึกเสียงสัตว์ต่างๆใน Sanfrancisco Zoo เพื่อที่จะมาใช้กับเสียงสัตว์ประหลาดทั้งหลายที่อยู่ในเกมส์ โดยสัตว์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในเกมส์ส่วนใหญ่มักจะมีพื้นฐานมาจากสัตว์จริงๆ การเลือกใช้เสียงก็มักจะใชเสียงจากสัตวจริงที่เป็นพื้นฐานของการออกแบบสัตว์ในเกมส์ตัวนั้นๆ แต่ถ้าเป็นสัตว์ในเกมส์ที่สร้างขึ้นมาจากจินตนาการ เช่นมังกร อันนี้ก็จะต้องอาศัยไอเดียของ sound designer กันสักหน่อยแล้วว่าเสียงควรจะออกมาเป็นอย่างไร ใน VDO นี้ช่วงท้ายๆก็มีบอกไว้เหมือนกันว่าองค์ประกอบของเสียงมังกรในเกมส์มาจากเสียงอะไรบ้าง ลองดูลองฟังแล้วก็น่าทึ่งมาก

จุดที่ดึงความสนใจของผมมากที่สุดใน VDO นี้ก็คือฉากที่ถ่ายห้องทำงานของ Sound Designer เห็นๆกันอยู่ครับบน monitor ทั้ง 2 จอที่ตั้งอยู่ข้างหน้าว่าเป็น Cubase ในห้องติดตั้งระบบ surround แต่ที่ผมสนใจมากๆก็คือเขามี Monitor อีกหนึ่งจอตั้งห่างออกไปเพื่อแสดงภาพ มันก็น่าจะเป็นปกติดีสำหรับคนทำ Post-production แต่คราวนี้จะสังเกตเห็นได้ว่า เขาเล่นเกมส์บนจอนั้นโดยเสียงที่ออกมาเป็นเสียงผ่านจาก Cubase ..... ตอนนี้ผมยังไม่รู้ครับว่าเขาติดตั้งอุปกรณ์อะไรยังไงบ้าง แต่อีกไม่นานจะหาทางรู้มาให้ได้ เพราะอยากได้แบบนั้นมากๆเหมือนกัน แฮ่ๆ ลองดูในรูปก็แล้วกันครับ capture มาจากใน VDO นี่แหละ ส่วนอีกรูปจะเป็นอีกห้องหนึ่งที่ sound designer กำลังสร้างเสียงของมังกรอยู่ ไม่แน่ใจว่า Software ที่ใช้อยู่เป็นตัวไหนนะครับ แต่ดูจากสีสันแล้วน่าจะเป็นตระกูลของ Sony

What is this system?

Design the dragon sound

ลองชมกันดูครับ Lair : behide the scenes - Sound Effects
ดูแบบ online ได้ที่ http://www.gametrailers.com/player/21026.html
หรือเลือก Download ใน format ต่างๆได้ตามนี้ครับ
WMV(36M) : http://download.gametrailers.com/gt_vault/t_lair_bts_soundfx.wmv
MOV(38.6M) : http://download.gametrailers.com/gt_vault/t_lair_bts_soundfx.mov
MP4(23.9M) : http://download.gametrailers.com/gt_vault/t_lair_bts_soundfx.mp4
ข้อมูลจาก Gametrailers.com

ปล. ก็ยังคงเป็นปัญหาเหมือนเดิมที่เวลาผม embed VDO มาจาก Gametrailers.com แล้วจะมีปัญหาในการแสดงผล Browser ตัวอื่นๆที่ไม่ใช่ IE ไม่ว่าจะเป็น Opera หรือ FireFox

July 13, 2007

Studio Devil : Virtual Guitar Tube Amp

Studio Devil : BVC

ค่ายน้องใหม่ Studio Devil ออก Product แรกมาลองตลาดด้วย Guitar Amp sim ในรูปแบบ VST Plug-in โดยออกมาชิมลางด้วย Free VST สำหรับ PC ก่อน ใช้ชื่อว่า British Valve Custom (BVC) ตัวนี้ดูเหมือนเป็นตัวที่ตัดออกมาให้ลองใช้กันก่อน และมีแค่เป็น VST สำหรับ PC เท่านั้นในตอนนี้ โดยตัวเต็มๆจะตามมาในอีกไม่นาน ใช้ชื่อว่า Studio Devil : Virtual Guitar Amp ลองดูข้อมูลของ BVC กันก่อนละกันครับ
  • Authentic 12AX7A vacuum tube preamplifier stage emulation.
  • Accurate tone stack controls: Bass, Mids, Treble, Presence
  • 44.1kHz, 48kHz, 88.2kHz, 96kHz, 176.4kHz, and 192kHz support!
  • 4X Up-Sampling Engine with 64-bit Floating-Point Internal Precision

ตัว BVC สามารถ download ได้ที่ http://www.studiodevil.com/download/downloadBVC.htm

Studio Devil : Virtual Guitar Amp

ส่วนข้อมูลของ Virtual Guitar Amp ตัวเต็มๆ ตอนนี้ในเวปเขาให้ข้อมูลไว้แค่นี้เองครับ
  • Three Unique Amplifier Styles: Classic, British, and Modern all based on 12AX7A tube models and tone circuit modeling algorithms.
  • Three Independent Channels for each style...Clean, Crunch, and Lead.
  • Boost Switch re-configures and "hot-rods" each preamp stage for increased gain and modified lead tone!
  • 10 Amp Voicings: FIR-based speaker cabinet and post-production modeling filters give the final sound the finishing touches!
  • 180 Amp Configurations with gain, tone, and drive controls for virtually limitless tonal possibilities!
  • Authentic Tone Controls: Bass, Mids, Treble, and Presence controls just like those on coveted tube amps!

รายละเอียดทั้งหมดดูได้ที่นี่ครับ http://www.studiodevil.com/home.htm
ข่าวสารจาก SonicState.com

July 11, 2007

Sound of Transformer

O'Connel & Russellตั้งแต่ที่เฮีย Phz เขียนชมถึงงาน Sound design ของหนังฟอร์มยักษ์ Transformer ไว้ที่ PassionSound.com แน่นอนว่าผมก็พยายามจะหาเวลาว่างไปชมไปฟังด้วยตัวเองอยู่ แต่อีกอย่างนึงที่ผมตั้งตารอเพราะคิดว่าต้องมาแน่ๆคือ บทความเกี่ยวกับการทำงานเบื้องหลังด้าน sound design ของหนังเรื่องนี้ใน Mix Magazine และแล้วมันก็มาตามที่คิดเลยครับ ใน Mix เล่มใหม่ล่าสุดของเดือน July ใช้หัวเรื่องว่า Transforming Blockbuster Sound ส่วนของเนื้อหาผมยังอ่านไปไม่หมดครับ แต่คร่าวๆแบ่งได้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการพูดถึงที่มาที่ไปและประวัติส่วนตัวของ 2 คู่หูที่อยู่เบื้องหลัง Greg Russell (FX) และ Kevin O’Connell (dialog and music) เนื้อหาส่วนหลังถึงจะเป็นการพูดถึงการทำงานด้านเสียงของ Transformer ตอนนี้คงมีข้อมูลให้แค่นี้ก่อน ไว้ถ้าอ่านจบแล้วมีเวลาอาจจะมาเขียนแบ่งปันกันครับ

July 07, 2007

TEC awards 2007 nominees

รางวัล TEC awards (Technical Excellence & Creativity) ที่มีจัดกันทุกปีโดย MIX Magazine ปีนี้จะเป็นครั้งที่ 23 โดยจะจัดการประกาศกันในคืนที่สองของงาน 2007 AES Convention ตรงกับวันที่ 6 ตุลาคม ปีนี้ที่ New York Marriott Marquis ล่าสุดได้มีการประกาศ Nominees ออกมาแล้ว ผมขอนำรายชื่อในส่วนของ Technical Nominees มาให้ลองดูกันก่อนครับ เผื่อว่ารักใครชอบใครก็ได้ตามเชียร์กัน

ANCILLARY EQUIPMENT

  • Apogee Electronics Symphony
  • Audio-Technica ATH-M50 Headphones
  • Dolby Media Producer EAW Smaart Version 6
  • PreSonus FaderPort
  • Ultrasone Edition9 Headphones

DIGITAL CONVERTER TECHNOLOGY

  • Apogee Electronics Ensemble
  • Digidesign Mbox 2 Pro
  • Focusrite Saffire Pro 26 I/O
  • Lynx Aurora w/LT-HD card
  • PreSonus FireStudio
  • TC Electronic Konnekt 24D

MIC PREAMPLIFIER TECHNOLOGY

  • AEA The Ribbon Pre
  • Manley TNT
  • Neve 8801
  • PreSonus DigiMax FS
  • SSL XLogic Alpha Channel
  • Universal Solo Series 110/610

MIC TECHNOLOGY/SOUND REINFORCEMENT

  • AKG D 5
  • Audio-Technica ATM250DE
  • Audix VX 5
  • Equation Audio DS-V10
  • Neumann KMS 104
  • Shure KSM9

MIC TECHNOLOGY/RECORDING

  • Audio-Technica ATM 450
  • Blue Woodpecker
  • DPA SMK4061
  • Neumann KM D Digital Mics
  • Royer R122-V
  • Telefunken USA R-F-T AK47

WIRELESS TECHNOLOGY

  • Audio-Technica 1800 Series Dual Channel
  • Beyerdynamic Opus 900
  • Lectrosonics SMQ Transmitter
  • Mipro ACT-81/82
  • Sennheiser NET1
  • Zaxcom TRX990 Transmitter/Recorder

SOUND REINFORCEMENT LOUDSPEAKER TECHNOLOGY

  • Electro-Voice Phoenix Series
  • JBL Professional VP Series
  • Meyer Sound M’elodie
  • Nexo GeoD
  • QSC ILA Line Array
  • Turbosound Aspect TA-500

STUDIO MONITOR TECHNOLOGY

  • Adam Audio A7
  • Blue Sky Big Blue
  • Dynaudio Acoustics BM 6A MkII
  • Genelec 8200/7200
  • Pelonis Signature Series PSS110P
  • Tannoy Precision 8 iDP

MUSICAL INSTRUMENT TECHNOLOGY

  • Access Music Virus TI Polar
  • Arturia Prophet-V
  • Cakewalk Rapture
  • IK Multimedia Ampeg SVX
  • Moog Little Phatty
  • WaveMachine Labs Drumagog 4

SIGNAL PROCESSING TECHNOLOGY/HARDWARE

  • API 5500 Dual Equalizer
  • Dolby Lake Processor
  • Eventide H7600
  • Focusrite Liquid Mix
  • Langevin Mini Massive EQ
  • Neve 8803 Dual Equalizer

SIGNAL PROCESSING TECHNOLOGY/SOFTWARE

  • Cedar Audio Tools 3.2
  • Celemony Melodyne 3 Studio
  • McDSP ML4000 Mastering Limiter
  • Roger Nichols Digital Dynam-izer
  • Universal Audio Neve Classic Console Bundle
  • Waves V Series

WORKSTATION TECHNOLOGY

  • Ableton Live 6
  • BIAS Peak Pro 5.2
  • Cakewalk SONAR 6 Producer Edition
  • Digidesign 003
  • MOTU Digital Performer 5
  • Steinberg Cubase 4

RECORDING DEVICES

  • Edirol R-4 PRO
  • HHB FlashMic
  • Korg MR-1000
  • Marantz CDR310
  • Sony MZ-M200
  • Tascam DV-RA1000HD

SOUND REINFORCEMENT CONSOLE TECHNOLOGY

  • Digico D5T12
  • Digidesign D-Show Profile
  • Mackie Onyx 32.4
  • Midas XL8
  • Soundcraft Vi6
  • Yamaha PM1DV2

SMALL FORMAT CONSOLE TECHNOLOGY

  • M Audio NRV10
  • SSL XLogic Xrack Summing System
  • Tascam DM-4800
  • Toft Audio Series ATB
  • Trident Series 8T-8
  • Yamaha LS9

LARGE FORMAT CONSOLE TECHNOLOGY

  • Calrec Bluefin Technology
  • Fairlight DREAM II with Crystal Core Engine
  • Oram GP40 Custom
  • SSL Duality
  • Studer Vista 5

ข้อมูลจาก http://www.mixfoundation.org/tec/07nomineestech.html

MixOnline.com : VDO

http://www.mixonline.com/ ของ Mix Magazine เป็นอีกหนึ่งแหล่งความรู้หลักที่ผมใช้หาความรู้เพิ่มเติมมาโดยตลอด ส่วนหลักๆที่เป็นประโยชน์ก็คือเนื้อหา online Magazine ซึ่งเป็นเนื้อหาเดียวกันกับที่ตีพิมพ์ลงใน Mix Magazine และมีการ update กันแบบเดือนต่อเดือน


ไม่นานมานี้ MixOnline.com ได้เปลี่ยนแปลงหน้าตาใหม่เพื่อรองรับส่วนต่างๆที่เพิ่มขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือส่วนของ Video จริงๆแล้วส่วนนี้ก็ถูกเพิ่มเข้ามาในเวปได้สักพักใหญ่ๆแล้ว แต่ผมกลับไม่ค่อยได้สนใจ พอดีวันนี้ได้สังเกตเห็น VDO ตัวล่าสุดที่เป็นบทสัมภาษณ์คุณ Randy Thom ผู้เป็น Supervising Sound Designer/Mixer ให้กับภาพยนตร์ Animation เรื่อง Ratatouille แล้วก็เลยรู้สึกสนใจ ถึงได้เข้าไปดูและนำมาฝากกัน ความยาวของ VDO อยู่ที่ 3 นาทีกว่าๆ โดยเนื้อหาก็จะเป็นคุณ Randy มาพูดรวมๆถึงการทำงานด้าน sound ของ animation ที่ไม่ได้ต่างไปจากการทำให้ภาพยนตร์ปกติสักเท่าไหร่ และมีพูดถึงขั้นตอนการทำงานในเรื่อง Ratatouille นี้อีกนิดหน่อย ได้ความรู้กันไปพอสมควรแบบไม่ต้องเสียเงินเลยครับ แต่คงต้องอาศัยการฟังภาษาอังกฤษสักหน่อย

ถ้าใครที่อยากดูแบบ online สามารถดูได้ที่นี่ครับ (ผมดึงมา embed บน blogspot ไม่เป็น)http://mixonline.com/video/
หรือ download มาไว้ในเครื่อง ในรูปแบบของ FLV ขนาด 18.7MB
download ได้ที่นี่ครับ : http://mixonline.com/video/mixtv/01RandyThom.flv

URS : Classic Console Strip Pro

Unique Recording Software (URS) เป็นค่ายผู้ผลิต plug-in ที่ product ทุกตัวมีหน้าตาคล้ายกับ vintage hardware (แต่ผมชอบ interface ของค่าย UA มากกว่า) ล่าสุดได้ปล่อย Channel Strip Plug-in ออกมาสู่ตลาดภายใต้ชื่อ Classic Console Strip Pro ออกมาสำหรับ Mac OSX ส่วนของทางฝั่ง Windows ในเวป URS เขียนไว้ว่า "coming soon"

ลักษณะเด่นของ Classic Console Strip Pro ตัวนี้ที่ทำให้ต้องเอามาเขียนบอกต่อกันก็คือมันมีลักษณะเป็น Modular Channel Strip ครับ เราสามารถเลือก algorithms สำหรับ input stage, Compressor และ EQ ได้โดยอิสระจากกัน เหมือนลักษณะว่าผู้ใช้สามารถสร้าง console ขึ้นใช้เองโดยเลือกส่วนต่างๆมาประกอบเข้าด้วยกัน ฟังดูน่าสนุกดีเหมือนกันนะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าพอเอามาใช้งานจริงๆแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง ผมเริ่มกลัวๆกับ Channel Strip Plug-in เหมือนกัน หลังจากที่ลอง Analog TrackBox ของค่าย Nomad Factory แล้วไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่ามันยังไม่เหมาะกับงานที่ผมลองใช้มันก็ได้

URS : Classic Console Strip Pro

ลองดูหน้าตากันไปพลางๆก่อนแล้วกันครับ
รายละเอียดดูที่ http://www.ursplugins.com/ursStripPro.html
ข่าวสารจาก FutureMusic Blog

July 02, 2007

Apple Soundtrack Pro 2 : reviewed by Peter Kirn

Soundtrack Pro 2 จากค่าย Apple เป็น application ที่ผมให้ความสนใจพอสมควร เพราะตัวมันเองถูกวางไว้สำหรับงานด้าน Audio Post-Production โดยเฉพาะ ผมเคยมีโอกาสได้ลองใช้เมื่อครั้งที่ Soundtrack 1.0 ออกมาสู่ตลาดในครั้งแรก ในตอนนั้นผมยังมองว่าเป็น application ที่มีการทำงานดูรวมๆแล้วคล้ายกับตอนที่ผมใช้ ACID (Sony) หัดทำงานด้าน post แต่ก็ได้ลองใช้แค่ช่วงสั้นๆ หลังจากนั้นก็ไม่มีโอกาสได้ใช้อีกเลย ได้แต่ติดตามข่าวที่ Apple เติมคำว่า Pro ลงไปท้ายชื่อ Soundtrack จนมาล่าสุดเป็น Soundtrack Pro 2 ที่จะ bundle รวมมากับ Final Cut Studio 2

ไม่กี่วันมานี้ผมเข้าไปดูเวป CreateDigitalMusic.com ก็เห็นว่าคุณ Peter Kirn ได้เขียน SoundTrack Pro 2 ลงใน MacWorld ก็เลยลอง print ออกมาอ่านดู แล้วได้สรุปใจความคร่าวๆมาบอกเล่าต่อๆกันสำหรับคนที่สนใจจะลองครับ

editing_multitakeeditor20070414.jpg

เรื่องแรกที่ทำให้หลายคนขัดใจกับ SoundTrack Pro2 ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่มีการขายแยก จะต้องซื้อพร้อมกับ Final Cut Studio 2 เหมือนจะต้องการเชื่อมการทำงานด้านภาพและด้านเสียงเข้าหากัน โดย Feature แรกที่ Kirn เขียนถึงก็คือเรื่องของการ edit ที่มีความแตกต่างกัน ปกติการ edit เสียงมักจะต้องการให้ automation envelopes ผูกติดไปกับ clip เสียง ในขณะที่การ edit ภาพมักจะต้องการให้อยู่กับ ที่เคลื่อนไปกับ clip ภาพ ซึ่งวิธีการทั้ง 2 นี้สามารถเลือกใช้ได้ใน SoundTrack Pro 2 เพื่อตอบโจทย์ความเคยชินทั้งคนภาพและคนเสียง อีกหนึ่ง feature ที่เพิ่มมาใน version นี้ก็คือการ nudge แบบ frame by frame ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการทำ audio-post แต่เพิ่งจะมีมาให้เห็นใน version นี้เองสิ่งสำคัญที่เพิ่มเข้ามาแล้วทำให้ workflow ของโปรแกรมนี้ดีขึ้นก็คือการ support file format ต่างๆมากขึ้น รวมถึงการ import-export OMF และ AAF ที่ทำให้การโยกย้ายงานจาก application ด้านเสียงตัวอื่นๆทำได้สะดวกสบายขึ้น การ support ความละเอียดถึง 192kHz และความสามารถด้าน Surround ก็เพิ่มเข้ามาใน version นี้

ย้อนกลับไปที่เรื่องของการ import-export งานจาก SoundTrack Pro 2 คุณ Peter Kirn แกก็เขียนถึงไว้ว่าสามารถทำได้หลากหลายแต่จำเป็นจะต้องใช้ Apple Script ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ user ทั่วๆไป ใน user manual ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรไว้ให้ คงจะดีไม่น้อยถ้ามี tutorial เรื่อง Apple Script สำหรับใช้งานกับ SoundTrack Pro2 โดยเฉพาะ และอีกหนึ่งจุดที่ Kirn ให้ข้อสังเกตไว้ก็คือเรื่องของการเปิด-ปิด หน้าต่างต่างๆบนโปรแกรมที่ช้า แม้ว่าจะใช้งานกับ quad-core Mac Pro ก็ตาม ซึ่งทาง Apple ก็บอกว่าเป็นปัญหาเรื่อง Performance และจะมีการแก้ไขในการ update (ไม่แน่ใจว่าใน v.2.0.1 ที่เพิ่งออกมา update และมีเรื่องของ performance ด้วย จะรวมเรื่องนี้เข้าไปด้วยหรือยังนะครับ)

จุดเด่นเรื่องนึงที่ทำให้การ bundle รวมมาใน Final Cut Studio 2 ดูสมเหตุสมผลก็เรื่องของการโยนงานข้ามกันไปมา (Conform) ระหว่าง Final Cut Pro และ SoundTrack Pro ซึ่งอ่านดูแล้วน่าจะมีประโยชน์มาก แต่ผมก็ยังไม่เห็นภาพสักเท่าไหร่ เพราะไม่เคยใช้ function นี้มาก่อน แต่คิดว่าในฝั่งของค่าย Adobe ก็น่าจะมีลักษณ์นี้เหมือนกันเพราะมีทั้ง Premiere, After Effect และ Audition

editing_liftstamp20070414.jpg

Feature ที่ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับงานด้าน audio-post มากๆก็คือในส่วนของ Lift and Stamp tools ซึ่งว่ากันง่ายๆก็คือเป็นการ match EQ และ copy FX สำหรับแต่ละ clip ที่ใช้ในงานเดียวกัน เพื่อสร้างความกลมกลืนให้กับเสียงที่ถูกบันทึกมาจากต่างสถานที่ต่างเวลาSoundTrack Pro 2 ถูกเปลี่ยนแปลงมาพอสมควรนับจากจุดเริ่มต้นที่ดูเหมือนจะมีบทบาทแค่นำ Loop มาวางเป็นเป็นเสียงประกอบ จนมาถึงตอนนี้ที่ขยับตัวเองขึ้นไปเพื่อให้สมกับคำว่า Pro ที่ต่อท้ายอยู่ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่างในการใช้งานที่ Apple อาจจะกั้นไว้เพื่อเป็นเส้นแบ่งกับ Logic Pro ที่ถือเป็น flagship ในด้าน audio ของ Apple ซึ่งพอเป็นแบบนี้แล้ว หลายคนก็ตั้งคำถามไปถึง Logic ใน version ต่อไปว่าจะมีอะไรเพิ่มเข้ามาเพื่อถีบตัวเองให้หนีออกไป

กึ่งแปลกึ่งสรุปมาแบบนี้ไม่รู้ว่าจะทำให้เข้าใจ หรือทำให้สับสนมากขึ้นก็ไม่รู้ แต่ก็ถือว่าแบ่งๆกันไปละกันครับ น่าจะมีประโยชน์บ้าง ขอบคุณ Peter Kirn สำหรับ review ดีๆครับ

ถอดความจาก http://www.macworld.com/2007/06/reviews/soundtrack/index.php
ข่าวสารจาก CreateDigialMusic.com
ข้อมูลเพิ่มเติม SoundTrack Pro 2 : http://www.apple.com/finalcutstudio/soundtrackpro/